Pycnogenol – พิกโนจีนอล – สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส | กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่

Pycnogenol หรือ พิกโนจีนอล หรือ พิกโนจินอล หรือ พิคโนจีนอล หรือ สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส กินตอนไหน | เป็นคำถามที่คนส่วนใหญ่ที่เมื่อซื้ออาหารเสริมพิกโนจินอลมาแล้ว แต่ไม่รู้วิธีการกินว่าควรกินตอนไหน? ควรกินวันละเท่าไหร่? มีผลข้างเคียงที่ควรระวังไหม? วิธีการเก็บว่าควรเก็บรักษายังไงไม่ให้เสื่อมสลาย?

Pycnogenol กินตอนไหน | วิธีรับประทาน

สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ใน Pycnogenol เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ที่สามารถพบได้ในสีของผักและผลไม้ ซึ่งมีคุณสมบัติละลายในน้ำ

เพราะฉะนั้นควรรับประทานอาหารเสริมพิกโนจินอลในตอนเช้าเพื่อให้เข้าไปต่อต้านอนุมูลอิสระที่มักจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในระหว่างวัน สามารถรับประทานพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้ แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือความสามารถในการดูดซึมของลำไส้ ถ้ามีอาการท้องผูก สารอาหารต่างๆ ก็ดูดซึมยาก ไม่ใช่แค่พิกโนจินอล

เปรียบเทียบให้เห็นภาพ เหมือนรับประทานเข้าไป 100 แต่ร่างกายดูดซึมได้ 10 อีก 90 อุจจาระทิ้งเพราะดูดซึมไม่ได้

Pycnogenol กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่
วิธีรับประทานอาหารเสริมพิกโนจินอล

Pycnogenol กินตอนไหน | กินวันละเท่าไหร่

สถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NIH : National Institutes of Health) แนะนำว่าผู้ใหญ่สามารถรับประทานพิกโนจินอลได้ 50-450 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปี

สำหรับเพื่อการบรรเทาอาการของโรคต่างๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ

  • สำหรับภูมิแพ้ | 50 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
  • สำหรับเบาหวาน | 50 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง
  • สำหรับหอบหืดในเด็ก | 1 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 0.5 กิโลกรัม แบ่งกิน 2 ครั้ง
  • สำหรับความดันสูงเล็กน้อย | 200 มิลลิกรัม ทุกวัน
  • สำหรับการไหลเวียนเลือดไม่ดี | 45-360 มิลลิกรัม หรือ 50-100 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง
  • สำหรับนักกีฬาเพิ่มศักยภาพ | 200 มิลลิกรัม ทุกวัน

Pycnogenol ยี่ห้อไหนดี | วิธีเลือกซื้อและวิธีกิน

คนส่วนใหญ่ที่รับประทานพิกโนจินอลไม่ได้มีผลข้างเคียงอะไร แต่ให้ดีที่สุดแนะนำว่าควรเริ่มต้นรับประทานจากปริมาณต่ำก่อนเพื่อดูปฎิกิริยาตอบสนองของร่างกายว่าเป็นยังไง ซึ่งผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ มีดังนี้

  • คลื่นไส้ ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ
  • ปวดหัว เวียนหัว
  • แผลในปาก
  • อ่อนล้า อ่อนเพลีย ง่วงนอน
  • ระคายเคืองผิวหนัง

Pycnogenol กินตอนไหน | เก็บยังไง

ความร้อน อากาศ ความชื้น” เป็นตัวแปรที่ทำให้ทุกอย่างเสื่อมสภาพเร็ว รวมถึงพิกโนจินอลด้วย

  • แบบขวด | ปิดฝาให้สนิทและเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา
  • แบบแผง | ใส่ในกล่องและเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา
Pycnogenol กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่
Wellness Hub – Asta Bonnita’s

Asta Bonnita’s | อาหารเสริมแอสต้าแซนทินเกรดการแพทย์ มีส่วนประกอบ ดังนี้

  1. Haematococcus Pluvialis (Equivalent to Astaxanthin 4 mg) = 50 mg
  2. Pycnogenol = 40mg
  3. Zinc Amino Acid Complex (Zn 20%) = 45 mg
Pycnogenol กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่
Wellness Hub – Bio-Pycnogenol

Bio-Pycnogenol | อาหารเสริมไบโอ-พิกโนจินอลเกรดการแพทย์ มีส่วนประกอบ ดังนี้

  1. Pycnogenol = 40mg
Wellness Hub – Aura White

Aura White | อาหารเสริมที่ปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใสขึ้น มีส่วนประกอบ ดังนี้

  1. N-Acetyl-L-Cysteine = 900mg
  2. L-Glutathione = 100mg
  3. Pine Bark = 40mg
Wellness Hub – Good Gut

Good Gut คือ อาหารเสริมใยอาหารประเภทละลายน้ำ (Water Soluble Dietary Fiber) ชนิดพาร์เชียลลี ไฮโดรไลซ์ กัวร์กัม (PHGG : Partially Hydrolyzed Guar Gum) ที่สกัดมาจากเมล็ดกัวร์ (Guar Bean) ประเทศญี่ปุ่น ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ด้านนี้มายาวนานกว่า 35 ปี ทำให้มั่นใจได้ว่ามาจากธรรมชาติ ปราศจากพืชดัดแปลงพันธุกรรม การสังเคราะห์ และปลอดภัยจากสารพิษต่างๆ

ได้รับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและด้านอาหาร ดังนี้

  • FDA | องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา
  • Low – FODMAP | อาหารย่อยง่าย ไม่ท้องอืด ไม่ท้องผูก ไม่ท้องเฟ้อ ไม่ท้องเสีย ไม่ปวดท้อง
  • GMO Free | ไม่มีพืชดัดแปลงพันธุกรรม
  • Allergen Free | ไม่ทำให้เกิดการแพ้
  • VEGAN | มาตรฐานอาหารเจ – มังสวิรัติ – วีแกน
  • HALAL | มาตรฐานอาหารอิสลาม
  • KOSHER | มาตรฐานอาหารยิว

มีงานวิจัยเฉพาะของ PHGG (Partially Hydrolyzed Guar Gum) ทั้งในหลอดทดลอง ในสิ่งมีชีวิต และในมนุษย์ ว่ามีคุณประโยชน์ต่างๆ ดังนี้

  1. มีส่วนช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ
  2. มีส่วนช่วยทำให้ระบบภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรง
  3. มีส่วนช่วยป้องกันโรคอ้วน
  4. มีส่วนช่วยป้องกันโรคท้องผูก
  5. มีส่วนช่วยป้องกันโรคท้องเสีย
  6. มีส่วนช่วยป้องกันโรคลำไส้แปรปรวน (IBS: Irritable Bowel Sysdrome)
  7. มีส่วนช่วยป้องกันโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD: Inflammatory Bowel Disease)
  8. มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้
  9. มีส่วนช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้
  10. มีส่วนช่วยเพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุ
  11. มีส่วนช่วยเพิ่มกรดไขมันสายสั้น (SCFAs: Short-Chain Fatty Acids) ในลำไส้
  12. มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือด
  13. มีส่วนช่วยลดค่าดัชนีน้ำตาล (GI: Glycemic Index)
  14. มีส่วนช่วยลดความโหยหลังจากมื้ออาหาร
  15. มีส่วนช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย
  16. มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1C: Hemoglobin A1C)

ละลายน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ดื่มวันละ 1 ซอง

Similar Posts