โรคกระดูกพรุน | อาการ-สาเหตุ-รักษา-ป้องกัน
โรคกระดูกพรุน หรือ Osteoporosis คือ โรคที่เกิดจากความหนาแน่นและมวลของกระดูกลดลง จนทำให้เกิดกระดูกเสื่อม กระดูกบาง กระดูกผิดรูป และมีโอกาสแตกหักได้ง่าย ในผู้ป่วยบางรายโรคกระดูกพรุนมีผลให้ส่วนสูงลดลงเนื่องจากกระดูกสึกแล้วยุบลง ผลจากโรคกระดูกพรุนคือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก เนื่องจากกระดูกมีความสามารถรับน้ำหนักลดลงถึงแม้ว่าจะใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม
นายแพทย์ปาลพัทธ อนันต์พิพัฒน์กิจ | ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ จะมาไขข้อสงสัยในทุกๆ มิติของภาวะกระดูกพรุนที่คนส่วนใหญ่อยากรู้ และสิ่งที่คนส่วนใหญ่ควรที่จะต้องรู้
ทุกเรื่องเกี่ยวกับ แคลเซียม (Calcium) ที่คนทั่วไปควรรู้
โรคกระดูกพรุน | อาการ
กระดูกพรุนไม่มีอาการอะไรแสดงออกมาทางร่างกายที่ทำให้รู้ตัวเลย จะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีภาะวะแทรกซ้อนเข้ามาแล้ว เช่น กระดูกหักหรือกระดูกยุบ เจ้าตัวถึงจะรู้ตัวว่าตัวเองเป็นโรคกระดูกพรุนอยู่ เลยถูกขนานนามว่าเป็นภัยเงียบที่ซ่อนอยู่รอเวลาเปิดตัว
ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ปี2561 | พบว่าคนไทยมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกพรุนได้ถึง 90% และ 1 ใน 3 ของผู้หญิงที่อายุเกิน 60 ปี และ 1 ใน 5 ของผู้ชายที่อายุเกิน 60 ปี มีปัญหากระดูกพรุนอยู่ และที่สําคัญที่สุด 90% ของคนที่เป็นโรคกระดูกพรุนไม่รู้ตัวเองว่ากำลังเป็นโรคอยู่
ข้อมูลจากมูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติ | ถ้ามีภาวะกระดูกพรุนแล้วไม่ได้รักษาจะมีโอกาสเกิดกระดูกหักได้ โดยพบว่าคนที่มีกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุนมีโอกาสที่จะเกิดการหักซ้ําได้อีกถึง 50% สําหรับคนที่มีกระดูกสะโพกหัก มีโอกาสเสียชีวิตได้ถึง 20% ในระยะเวลา 1 ปี และถ้ารอดชีวิตจําเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือในการดําเนินชีวิตประจําวันอีกถึง 60%
มองกันที่ภายนอก ไม่มีใครรู้เลยว่ากำลังเป็นโรคกระดูกพรุนอยู่ !!!
แคลเซียม ยี่ห้อไหนดี | วิธีเลือกซื้อและวิธีกิน
โรคกระดูกพรุน | สาเหตุ
ภาวะกระดูกพรุนเกิดได้จากหลายสาเหตุที่ทําให้มวลกระดูกลดลง โดยเกิดร่วมกันกับโครงสร้างกระดูกที่เปลี่ยนแปลง โดยมีดังนี้
- อายุที่มากขึ้น
- ฮอร์โมนที่ลดลง โดยเฉพาะเพศหญิงหลังหมดประจําเดือน
- ประวัติกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุนของคนในครอบครัว
- การไม่ออกกําลังกาย
- การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ
- ได้รับสารอาหารไม่ครบตามที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน โดยเฉพาะแคลเซียม
- ภาวะน้ําหนักตัวน้อยเกินไป
- โรคบางโรค เช่น โรคไทรอยด์ฮอร์โมนสูง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- การกินยารักษาโรค เช่น ยากันชัก ยาสเตอรอยด์
ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ข้างต้น ทำให้มวลกระดูกลดลง ยิ่งมีปัจจัยเสี่ยงมากก็ยิ่งมีความเสี่ยงมาก บางอย่างเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้…ก็ต้องปล่อยไปตามธรรมชาติ บางอย่างเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้…ถ้าควบคุมให้ไม่มีได้ ก็ยิ่งดี
แคลเซียม กินตอนไหน? กินวันละเท่าไหร่?
โรคกระดูกพรุน | รักษา
อย่างแรกต้องเข้าไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษา โดยแผนการรักษาจะขึ้นกับหลายๆ ปัจจัย เช่น โรคประจําตัว อายุ เพศ โดยหลักๆ จะมีอยู่ 2 ส่วน คือ
- การรักษาโดยการใช้ยา | เป็นหน้าที่ของหมอเฉพาะทางวินิจฉัยและวางแผนการรักษา
- การรักษาโดยการไม่ใช้ยา | เป็นหน้าที่ของคนไข้ที่จะปฎิบัติตัวในแต่ละวัน
คนไข้บางรายอาจจะจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อการรักษา ในขณะที่คนไข้บางรายอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ยาเพื่อการรักษา ทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ของแพทย์เฉพาะทางในการประเมินและวางแผน แต่สิ่งที่เหมือนกันทั้ง 2 วิธี คือคนไข้จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในแต่ละวัน เพื่อสนับสนุนทำให้เกิดการสร้างเนื้อกระดูกขึ้นมา ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการสลายกระดูก และลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกหัก ซึ่งทั้งหมดมีดังนี้
- ได้รับสารอาหารหลัก 5 หมู่ ให้เพียงพอในแต่ละวัน
- โดยเฉพาะแคลเซียม ปริมาณ 1,000-1,500 มิลลิกรัม/วัน
- ออกกำลังกายสร้างเสริมกล้ามเนื้อเพื่อมารองรับแรงจากการใช้งานในแต่ละวัน
- ออกกำลังกายสร้างความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อเพื่อมารองรับการทรงตัวจากการใช้ชีวิตประจำวัน
- ระมัดระวังกิจกรรมทางกายที่อาจจะทำให้พลัดตกหกล้ม
- ลดการสูบบุหรี่ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ
กระดูกหัก | ควรกินอะไร ห้ามกินอะไร รักษากี่เดือน
โรคกระดูกพรุน | ป้องกัน
เนื่องจากโรคกระดูกพรุนไม่มีอาการอะไรแสดงออกมาเลย ยกเว้นมีภาวะแทรกซ้อนอย่างกระดูกหักเกิดขึ้นแล้ว เราถึงจะรู้ว่าตัวเองเป็นโรคกระดูกพรุน การดูจากภายนอกไม่มีใครสามารถรู้ได้เลยว่าเป็นหรือไม่เป็นโรคกระดูกพรุนอยู่ เพราะฉะนั้นอย่างแรกที่แนะนำคือการเข้าไปหาแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจร่างกายดูว่าเป็นโรคกระดูกพรุนอยู่หรือเปล่า โดยจะมีขั้นตอนตั้งแต่การซักประวัติส่วนตัว คนในครอบครัว ตรวจร่างกาย และตรวจมวลกระดูกเพื่อดูความแข็งแรง โดยข้อบ่งชี้ในการตรวจมีดังนี้
- ผู้หญิงที่มีอายุ ตั้งแต่ 65 ปี ขึ้นไป
- ผู้ชายที่มีอายุ ตั้งแต่ 70 ปี ขึ้นไป
- ผู้หญิงที่ประจำเดือนหมด ก่อนอายุ 45 ปี
- ผู้ที่คนในครอบครัวมีภาวะกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน
ถ้าผลตรวจออกมาว่ายังไม่เป็นโรคกระดูกพรุน หรือคนที่ยังไม่ได้ตรวจ ทั้งหมดสามารถดูแลตัวเองได้ตั้งแต่วันนี้ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสนับสนุนทำให้กระดูกแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่างๆ ที่ทำให้กระดูกเสื่อม กระดูกบาง และกระดูกพรุน ดังนี้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยออกกำลังกายแบบที่มีแรงกระแทกบ้าง
- ได้รับสารอาหารให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยเฉพาะโปรตีน แคลเซียม และวิตามินดี
- ลด-ละ-เลิก การสูบบุหรี่
- ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ น้ำอัดลม
- ลดการกินอาหารรสเค็มจัด
- พยายามรักษาโรคประจำตัวให้หายขาด อย่าให้ต้องมีกินยาอะไรเป็นประจำถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
- พิจารณาใช้ฮอร์โมนเสริมจากภายนอกในผู้หญิงหมดประจำเดือนบางราย
การป้องกัน คือ การรักษาที่ดีที่สุด
Sarcopenia | อาการ-สาเหตุ-รักษา-ป้องกัน
อาหารเสริมแคลเซียมอย่างดี
BeCal คือ อาหารเสริมแคลเซียมที่ถูกคิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต (Calcium L-Threonate) คือ รูปแบบของแคลเซียมที่สกัดมาจากข้าวโพด ทำให้สามารถดูดซึมได้ดีกว่าแคลเซียมแบบทั่วๆ ไป มากถึง 9 เท่า นอกจากนั้นแล้วยังมีส่วนผสมอื่นๆ ที่ช่วยทำให้แคลเซียมเข้าไปที่กระดูกและฟัน ดังนี้
- แมกนีเซียม (Magnesium) | ช่วยพาแคลเซียมเข้ากระดูกและฟัน ช่วยทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย-ลดตะคริว
- วิตามินดีสาม (Vitamin D-3) | ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมในกระเพาะอาหาร ช่วยลดความเสี่ยงในการหกล้มของผู้สูงอายุ
- วิตามินเคสอง (Vitamin K-2) | ช่วยพาแคลเซียมที่เกาะหลอดเลือดเข้าสู่กระดูก ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
- วิตามินซี (Vitamin C) | ช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจน ช่วยยับยั้งการสลายของกระดูก
- แมงกานีส (Manganese) | ช่วยทำให้กระดูกพัฒนาและแข็งแรง
- วิตามินบี (Vitamin B) | ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดกระดูกพรุน
- โบรอน (Boron) | ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน
สามารถทานเวลาไหนก็ได้ เพราะไม่อึดท้อง ไม่ท้องผูก ไม่จำเป็นต้องใช้กรดในกระเพาะอาหาร