Alpha Lipoic Acid – กรดอัลฟ่าไลโปอิก | กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่
Alpha Lipoic Acid กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่ | อาหารเสริม กรดอัลฟ่าไลโปอิก หรือ ALA หรือ Alpha Lipoic Acid ควรรับประทานตอนไหนถึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด ควรรับประทานวันละเท่าไหร่
Alpha Lipoic Acid – ALA – กรดอัลฟ่าไลโปอิก | คือ? ประโยชน์? ผลข้างเคียง?
Alpha Lipoic Acid | กินตอนไหน
โดยปกติแล้วร่างกายสามารถสร้างกรดอัลฟ่าไลโปอิก หรือ ALA หรือ Alpha Lipoic Acid ได้เองอยู่แล้ว เพียงแต่ปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้การรับประทานเสริมจากภายนอกเข้าไปจะช่วยทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการสร้างพลังงานของเซลล์และปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ สามารถรับประทานต่อเนื่องได้ทุกวัน (ถ้ายี่ห้อนั้นไม่มีสารพิษโลหะหนัก สารปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม) รับประทานตอนไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ตอนกลางวัน ตอนเย็น หรือก่อนนอน แต่ถ้าดีที่สุดควรเป็นตอนเช้า เพราะช่วยทำให้กระบวนการสร้างพลังงานของเซลล์มีประสิทธิภาพ และคอยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งมักจะมีมากในช่วงเวลากลางวัน โดยจะรับประทานพร้อมอาหารหรือตอนท้องว่างก็ได้เพราะละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน
Alpha Lipoic Acid – ALA – กรดอัลฟ่าไลโปอิก | ยี่ห้อไหนดี ?
Alpha Lipoic Acid | กินวันละเท่าไหร่
ALA หรือ Alpha Lipoic Acid หรือ กรดอัลฟ่าไลโปอิก ไม่ได้เป็นสารอาหารที่จำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้ ร่างกายไม่จำเป็นต้องรับทุกวัน การรับประทานจากอาหารธรรมชาติหรืออาหารเสริมเพื่อบำรุงสุขภาพโดยรวมเท่านั้น ไม่มีปริมาณแนะนำที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โดยมีรับประทาน 100-1,200 มิลลิกรัม ต่อวัน ขึ้นกับเป้าหมายว่ารับประทานเพื่ออะไร เพื่อบำรุงร่างกายป้องกันโรคหรือเพื่อรักษาบรรเทาอาการของโรค ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานถ้ามีโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาเป็นประจำ
Alpha Lipoic Acid มีกี่รูปแบบ? | R-LIPOIC ACID vs S-LIPOIC ACID
อาหารเสริม ALA เกรดการแพทย์
ALA Plus Vitamin-D | อาหารเสริมกรดอัลฟ่าไลโปอิกเกรดการแพทย์ มีส่วนประกอบ
- R-Lipoic Acid = 50mg
- Vitamin D3 = 1,000IU
Good Gut คือ อาหารเสริมใยอาหารประเภทละลายน้ำ (Water Soluble Dietary Fiber) ชนิดพาร์เชียลลี ไฮโดรไลซ์ กัวร์กัม (PHGG : Partially Hydrolyze Guar Gum) ที่สกัดมาจากเมล็ดกัวร์ (Guar Bean) ประเทศญี่ปุ่น ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ด้านนี้มายาวนานกว่า 35 ปี ทำให้มั่นใจได้ว่ามาจากธรรมชาติ ปราศจากพืชดัดแปลงพันธุกรรม การสังเคราะห์ และปลอดภัยจากสารพิษต่างๆ
ได้รับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและด้านอาหาร ดังนี้
- FDA | องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา
- Low – FODMAP | อาหารย่อยง่าย ไม่ท้องอืด ไม่ท้องผูก ไม่ท้องเฟ้อ ไม่ท้องเสีย ไม่ปวดท้อง
- GMO Free | ไม่มีพืชดัดแปลงพันธุกรรม
- Allergen Free | ไม่ทำให้เกิดการแพ้
- VEGAN | มาตรฐานอาหารเจ – มังสวิรัติ – วีแกน
- HALAL | มาตรฐานอาหารอิสลาม
- KOSHER | มาตรฐานอาหารยิว
มีงานวิจัยเฉพาะของ PHGG ทั้งในหลอดทดลอง ในสิ่งมีชีวิต และในมนุษย์ ว่ามีคุณประโยชน์ต่างๆ ดังนี้
- มีส่วนช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ
- มีส่วนช่วยทำให้ระบบภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรง
- มีส่วนช่วยป้องกันโรคอ้วน
- มีส่วนช่วยป้องกันโรคท้องผูก
- มีส่วนช่วยป้องกันโรคท้องเสีย
- มีส่วนช่วยป้องกันโรคลำไส้แปรปรวน (IBS: Irritable Bowel Sysdrome)
- มีส่วนช่วยป้องกันโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD: Inflammatory Bowel Disease)
- มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้
- มีส่วนช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้
- มีส่วนช่วยเพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุ
- มีส่วนช่วยเพิ่มกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ในลำไส้
- มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือด
- มีส่วนช่วยลดค่าดัชนีน้ำตาล (GI: Glycemic Index)
- มีส่วนช่วยลดความโหยหลังจากมื้ออาหาร
- มีส่วนช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย
- มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1C: Hemoglobin A1C)
ละลายน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ดื่มวันละ 1 ซอง