เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลรัฐ มีหรือเปล่า?
เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลรัฐ (บาล) อย่างเช่น โรงพยาบาลจุฬาฯ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาฯ มีแผนกนี้ให้บริการหรือเปล่า เพราะที่เห็นก็มีแต่ในโรงพยาบาลเอกชน เวลเนสเซ็นเตอร์ หรือคลีนิคแอนไทเอจจิ้ง อยากเลือกที่จะไปใช้บริการในโรงพยาบาลรัฐ ไม่แน่ใจว่าจะมีหรือเปล่า?
เชื่อว่าใครหลายคนรู้จักเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ (Anti-Aging and Regenerative Medicine) จากโฆษณาของโรงพยาบาลเอกชนที่ออกมาให้ข้อมูลในสื่อต่างๆ เลยทำให้เริ่มสนใจศาสตร์ทางด้านการแพทย์แขนงนี้ แต่เนื่องจากตัวเองก็ไม่ได้มีกำลังมากที่จะไปเข้าโรงพยาบาลเอกชน เลยพยายามมองหาทางเลือกที่เป็นโรงพยาบาลรัฐบาลแทน
Anti Aging | ภาษาคนธรรมดาที่ไม่ใช่หมอ
เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
ก่อนที่จะรู้ว่าในโรงพยาบาลรัฐบาลมีแผนกเวชศาสตร์ชะลอวัยให้บริการหรือไม่ ต้องรู้ก่อนว่าเวชศาสร์ชะลอวัยคืออะไร? และเกี่ยวกับอะไร? เพราะคุณจะได้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์สุดท้ายของคุณได้ เพราะยังไงสุดท้ายไม่ว่าคุณจะไปโรงพยาบาลรัฐบาลหรือโรงพยาบาลเอกชน เป้าหมายของคุณคือการชะลอวัย การมีสุขภาพที่ดี ถูกต้องไหมครับ โรงพยาบาลเป็นแค่เครื่องมือที่จะนำพาคุณไปสู่เป้าหมายเท่านั้นเอง
เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ คือ ศาสตร์ทางด้านการแพทย์แขนงนึงที่มีเป้าหมายคือการทำยังไงก็ได้ (แบบวิทยาศาสตร์และสมเหตุสมผล) เพื่อที่จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพสมบูรณ์สูงสุด (Optimal Health)
โดยที่ 90% คือจากภายในเริ่มมาตั้งแต่ระดับเซลล์ไล่มาจนถึงระดับร่างกาย และอีก 10% คือจากภายนอกคือเวชศาสตร์ความงาม
เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพเลยจะเกี่ยวข้องกับเรื่องหลักๆ ดังนี้
- อาหาร (Nutrition)
- อาหารเสริม (Nutraceutical)
- ฮอร์โมน (Hormone)
- การใช้ชีวิตในแต่ละวัน (Lifestyle)
- การออกกำลังกาย (Exercise)
- การแพทย์บูรณาการ (Integrative Medicine)
- ความงาม (Aesthetic)
เพราะฉะนั้นคุณลองสังเกตดูว่าแผนกเวชศาสตร์ชะลอวัยที่ให้บริการในประเทศไทยมักจะมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับ 7 ข้อนี้ ไม่ทางใดก็ทางนึง
- บางที่ให้บริการเรื่องฮอร์โมนก็เรียกตัวเองว่าคลีนิคแอนไทเอจจิ้ง
- บางที่ให้บริการเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย ก็เรียกตัวเองว่าเวลเนสเซ็นเตอร์
- บางที่ให้บริการเรื่องการแพทย์บูรณาการก็เรียกตัวเองศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย
ทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้ไปตัดสินใคร ไม่ว่าจะเป็นคลีนิค, โรงพยาบาลเอกชน หรือโรงพยาบาลรัฐบาล เราพูดกันในมุมมองของลูกค้า ในมุมมองของคนไข้ ในมุมมองของเจ้าของร่างกาย ที่จะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดตามกับเงื่อนไขของชีวิตตัวเอง เพราะฉะนั้นคุณต้องแยกแยะให้ออกว่า 7 มิตินี้จะนำพาคุณไปสู่สุขภาพที่ดีได้ เวลาคุณเข้าไปที่ไหนแล้วเจอเรื่องอะไรจะได้รู้ว่าเป็นส่วนนึงของเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
เวชศาสตร์ชะลอวัย | 3 เรื่องที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด
เวชศาสตร์ฟื้นฟูและเวชศาสตร์ป้องกัน
- เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ (Anti-Aging and Regenerative Medicine)
- เวชศาสตร์ฟื้นฟู (Physical Medicine and Rehabilitation)
- เวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine)
สำหรับคนธรรมดาที่ไม่ใช่หมอส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดกับ 3 อย่างนี้อยู่ แต่ถ้าสำหรับหมอแล้วเค้าเข้าใจและแยกแยะความแตกต่างได้แน่นอน
มาว่ากันมุมมองของคนธรรมดาที่ไม่ใช่หมอกันต่อ เราต้องรู้ก่อนว่าทุกวันนี้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์มันเพิ่มขึ้นมากจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่ด้านการแพทย์หรอกครับ ทุกๆ ด้านแหละ เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณด้วย เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นสาขาทางด้านการแพทย์แตกแขนงออกมามากมาย เพื่อตอบสนองและลงรายละเอียดไปในแต่ละด้าน ซึ่งแต่ละด้านดีหมดนะครับ ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาเฉพาะด้านได้ดี แต่ในที่นี้เราต้องแยกแยะให้ออกว่าไม่เหมือนกัน
เวชศาสตร์ชะลอวัยไม่ใช่เวชศาสตร์ฟื้นฟู แต่คล้ายกับเวชศาสตร์ป้องกัน
เวชศาสตร์ฟื้นฟู เรียกภาษาชาวบ้านให้เข้าใจและเห็นภาพง่ายๆ คือ “หมอกายภาพ” เป็นศาสตร์ที่มีความสามารถในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยทุกเพศทุกวัยที่มีความผิดปกติหรือมีโรคระบบประสาท กล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ
เวชศาสตร์ป้องกัน เรียกภาษาชาวบ้านให้เข้าใจและเห็นภาพง่ายๆ คือ “มาตรการป้องกันโรค” เป็นศาสตร์ที่เพื่อป้องกันโรคต่างๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ซึ่งถ้ามองผิวเผินอาจจะดูคล้ายกันกับเวชศาสตร์ชะลอวัย เพราะมีแนวคิดในการป้องกันโรคเหมือนกัน แต่ถ้าลงไปในรายละเอียดแล้วพบว่าแตกต่างกัน หลักๆ มี 2 เรื่องที่ผมเห็น คือ
- เวชศาสตร์ป้องกันจะเน้นเป็นภาพใหญ่ระดับประเทศ เป็นเชิงนโยบายในการป้องกัน-คัดกรอง โรคในระยะต่างๆ เงื่อนที่ดีที่สุดคือไม่เป็นโรค รองลงมาเริ่มเป็นโรคแล้วคัดกรองให้รู้ตัว แย่ที่สุดเป็นโรคแล้วไม่ได้คัดกรองมารู้ตัวอีกทีก็อาการหนักต้องมาหาทางรักษา เวชศาสตร์ชะลอวัยจะเน้นเป็นภาพเล็กระดับบุคคล เป็นเชิงเฉพาะเจาะจงลงไปในแต่ละคน ร่างกายคนส่วนใหญ่อาจจะมีความคล้ายกันแต่ในรายละเอียดแล้วคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าพูดสั้นๆ เลยก็คือ The Most กับ The Best ต้องให้ครอบคลุมคนในประเทศมากที่สุด อาจจะไม่ได้ดีที่สุดของแต่ละบุคคลแต่เอาให้ได้จำนวนคนมากที่สุด เลยออกมาเป็นเชิงนโยบายระดับประเทศ
- เวชศาสตร์ชะลอวัยไม่ได้คิดเรื่องป้องกันเป็นหลักนะครับ การป้องกันเป็นของแถมจากการคิดว่าจะทำยังไงให้สุขภาพสมบูรณ์สูงสุด อารมณ์เหมือนฟุตบอลเชิงรุกที่คิดว่าจะทำยังไงให้ชนะ จะทำเกมส์ยังไงให้มีโอกาสได้ประตู จะทำยังไงให้ยิงประตูคู่แข่งได้ ทีนี้ก็เลยกลายเป็นการป้องกันการเสียประตูไปโดยปริยาย เพราะแนวคิดที่จะหาวิธีทำให้ลูกบอลเข้าประตูคู่แข่ง ไม่ได้คิดแค่เชิงรับแต่คิดเชิงรุก เพราะฉะนั้นเมื่อเวชศาสตร์ชะลอวัยคิดว่าจะทำยังไงให้ร่างกายฟิตที่สุด เฟิร์มที่สุด ก็เลยกลายเป็นการป้องกันโรคไปโดยอัติโนมัติ
เวชศาสตร์ชะลอวัย เรียนที่ไหน ในไทยหรือต่างประเทศ
เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลรัฐ | จุฬา
จากที่ผมเข้าไปดูในเวปไซต์ของโรงพยาบาลจุฬาฯ ทั้งค้นหาและไล่ดูทีละแผนกก็พบว่ายังไม่มีแผนกเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพให้บริการนะครับ จะมีที่ใกล้เคียงเกี่ยวข้องกันบ้างก็มี
- ศูนย์ตรวจสุขภาพ – การตรวจสุขภาพเป็นหนึ่งในการดูแลสุขภาพ เป็นการเช็คประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายในระบบต่างๆ
- ฝ่ายโภชนวิทยาและโภชนบำบัด – การดูแลอาหารการกินให้เป็นไปตามที่เซลล์ต้องการก็เป็นหนึ่งในปัจจัยในการดูแลสุขภาพ
- หน่วยผิวหนังตจวิทยา – การดูแลผิวหนังและความงามก็เป็นหนึ่งในการดูแลร่างกายจากภายนอกอีก 10% ของภาพรวมทั้งหมด
- ฝ่ายเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม – การดูแลเชิงเชิงนโยบายก็เป็นการป้องกันแบบมหภาคอย่างนึง
เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลรัฐ | ศิริราช
จากที่ผมเข้าไปดูในเวปไซต์ของโรงพยาบาลศิริราช ทั้งค้นหาและไล่ดูทีละแผนกก็พบว่ายังไม่มีแผนกเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพให้บริการนะครับ จะมีที่ใกล้เคียงเกี่ยวข้องกันบ้างก็มี
- ตรวจสุขภาพประจำปี – การตรวจสุขภาพเป็นหนึ่งในการดูแลสุขภาพ เป็นการเช็คประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายในระบบต่างๆ
- ศูนย์เลเซอร์ผิวหนังศิริราช – การดูแลผิวหนังและความงามก็เป็นหนึ่งในการดูแลร่างกายจากภายนอกอีก 10% ของภาพรวมทั้งหมด
เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลรัฐ | รามา
จากที่ผมเข้าไปดูในเวปไซต์ของโรงพยาบาลรามาฯ ทั้งค้นหาและไล่ดูทีละแผนกก็พบว่ายังไม่มีแผนกเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพให้บริการนะครับ จะมีที่ใกล้เคียงเกี่ยวข้องกันบ้างก็มี
- Skin Laser – การดูแลผิวหนังและความงามก็เป็นหนึ่งในการดูแลร่างกายจากภายนอก 10% ของภาพรวมทั้งหมด
- ศูนย์โรคการนอนหลับ – การนอนหลับเกี่ยวกับเมลาโทนินฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมฮอร์โมนทุกตัวในร่างกายให้ทำงานสมบูรณ์
- ศูนย์ตรวจสุขภาพเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ – การตรวจสุขภาพเป็นหนึ่งในการดูแลสุขภาพ เป็นการเช็คประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายในระบบต่างๆ
Wellness – Illness
Wellness คือ ความสุขสมบูรณ์ และ Illness คือ ความเจ็บป่วย
- ระดับ 0 คือ เจ็บป่วย ไม่สบาย เป็นโรค ถ้าใครอยู่ในระดับนี้แสดงว่าคุณต้องอยู่โรงพยาบาลแล้ว เพราะคุณไม่สามารถใช้ชีวิตปกติสุขได้ต้องเป็นโรคอะไรสักอย่างที่ต้องการหมอในการรักษา
- ระดับ 1 – 3 คือ ระดับสุขภาพแย่ เจ็บออดๆ แอดๆ เจออากาศเปลี่ยน เจอฝุ่น เจอสกปรกหน่อยก็พร้อมที่จะไม่สบาย
- ระดับ 4 – 6 คือ กลางๆ ไม่เจ็บไม่ป่วย แต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์ เรียกว่าพอถูไถอยู่ไปได้ ไม่ดีที่สุดแต่ก็ไม่ได้แย่ที่สุด
- ระดับ 7 – 9 คือ สุขภาพดี นานๆ อาจจะมีเจ็บป่วยบ้าง แทบไม่ต้องเจอหน้าหมอเพื่อรักษาเลย
- ระดับ 10 คือ สุขภาพสมบูรณ์สูงสุด ฟิตที่สุด เฟิร์มที่สุด แทบไม่มีโอกาสเจ็บป่วย
เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ระดับ 0 คือ รายได้เดือนละ 20,000 บาท และ ระดับ 10 คือ รายได้เดือนละ 200,000 บาท
สมมติคุณมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท คือ พอดีใช้ใน 30 วัน หมดพอดีเป๊ะในวันสุดท้ายของเดือน
แต่ถ้าคุณมีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทเมื่อไหร่คุณจะไม่พอใช้ในเดือนทันที ก็เปรียบเทียบเหมือนการเจ็บป่วยไม่สบายที่ต้องการการรักษาทันที
ตรงกันข้ามถ้าคุณมีรายได้เดือนละ 200,000 บาท คือนอกจากจะเหลือกินเหลือแล้ว (หักกินใช้ขั้นต่ำเดือนละ 20,000) คุณยังมีเงินอีก 180,000 บาท เอาไปใช้ชีวิต เอาไปมีคุณภาพชีวิต เอาไปลงทุน เอาไปซื้อบ้าน เอาไปซื้อรถ เอาไปต่อยอดธุรกิจได้อีกสารพัด เพราะคุณมีสุขภาพสมบูรณ์สูงสุด
เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ คือ การพยายามทำให้ร่างกายเข้าใกล้ระดับ 10 หรือสุขภาพสมบูรณ์สูงสุด (Optimal Health) มากที่สุดตามเงื่อนไขส่วนตัวของคุณ โดยที่มีตั้งแต่ระดับ 0 – 10 แต่เน้นที่การป้องกันเป็นหลักและการรักษาเป็นรอง ถ้าถามว่าเจ็บป่วยไม่สบายรักษาได้ไหม ก็ได้แต่เป็นการแพทย์แบบบูรณาการที่ไม่ได้ติดเฉพาะแค่การแพทย์แบบใดแบบนึงเท่านั้น
วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าคุณกำลังเข้าไปที่แผนกเวชศาสตร์ชะลอวัยอยู่หรือเปล่าคือสภาพแวดล้อมในแผนกนั้นมีแต่คนปกติที่ต้องการสุขภาพสมบูรณ์หรือคนเจ็บป่วยที่ต้องการหายเป็นปกติ
เวชศาสตร์ชะลอวัย หลอกลวง จริงหรือเปล่า?
หนังสือที่จะทำให้คุณเข้าใจเซลล์ของคุณ
ในหนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปเรียนรู้ร่างกายของตัวเอง ว่าทำงานยังไง อะไรบ้างที่ทำให้แก่เร็ว อะไรบ้างที่ทำให้แก่ช้า และสุดท้ายจะทำยังไงให้ชะลอความแก่ชราออกไปให้นานที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ ผ่านจากเรียนรู้ทั้งหมด 7 บท คือ
- เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ (Anti-Aging and Regenerative Medicine)
- ทฤษฎีความชราในอดีต (Aging Theory in The Past)
- ทฤษฎีความชราในปัจจุบัน (Aging Theory in The Present)
- ปัจจัยที่เหนือกว่าพันธุกรรม (Epigenetic)
- ปัจจัยที่เร่งการแก่ชรา (Aging Force)
- ปัจจัยที่ยับยั้งการแก่ชรา (Anti-Aging Force)
- ใช้ชีวิตยังไงให้ชะลอวัย (How to Anti-Aging)
หนังสือที่จะทำให้คุณเข้าใจฮอร์โมนของคุณ
ในหนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปเรียนรู้ฮอร์โมนที่มีอยู่ในร่างกายของตัวเอง ว่าทำงานยังไง อะไรบ้างที่ทำให้ฮอร์โมนมากเกินไป อะไรบ้างที่ทำให้ฮอร์โมนน้อยเกินไป และจะทำยังไงให้ฮอร์โมนทำงานสมบูรณ์ ผ่านจากเรียนรู้ทั้งหมด 20 บท คือ
- ความรู้พื้นฐานของระบบฮอร์โมน (Basic Concept of Hormone)
- ฮอร์โมนแห่งการต้านแก่ (Growth Hormone)
- ฮอร์โมนแห่งการนอนหลับ (Melatonin Hormone)
- ฮอร์โมนแห่งการเผาผลาญพลังงานขั้นพื้นฐาน (Thyroid Hormone)
- ฮอร์โมนแห่งการอยู่รอด (Cortisol Hormone)
- แม่ของทุกฮอร์โมนประเภทไขมัน (Pregnenolone Hormone)
- ฮอร์โมนแห่งการควบคุมความดัน (Aldosterone Hormone)
- ฮอร์โมนเพศชายอย่างแรก (DHEA Hormone)
- ฮอร์โมนแห่งความตกใจ โมโห หดหู่ (Catecholamines Hormone)
- ฮอร์โมนแห่งการเจริญเติบโตไปข้างหน้า (Insulin Hormone)
- ฮอร์โมนแห่งการลดความอ้วน (Glucagon Hormone)
- ฮอร์โมนแห่งความสุข (Dopamine-Endorphin-Oxytocin-Serotonin Hormone)
- ฮอร์โมนแห่งการอักเสบ (Prostaglandins Hormone)
- กลุ่มฮอร์โมนแห่งความเป็นเพศชาย (Androgen Group Hormone)
- กลุ่มฮอร์โมนแห่งความเป็นเพศหญิง (Estrogen Group Hormone)
- กลุ่มฮอร์โมนแห่งความแข็งแรงของกระดูก (Parathyroid-Calcitonin Hormone)
- ฮอร์โมนที่เกิดจากไขมันสะสม (Fat Hormone)
- ฮอร์โมนทุกอย่างทำงานร่วมกัน (Hormone Symphony)
- อาการที่ทำให้รู้ว่าฮอร์โมนเพี้ยน (Health Effect to Hormone Dysfunction)
- ทำยังไงให้ฮอร์โมนทำงานสมบูรณ์ (Lifestyle for Optimal Hormone)