โอเมก้า 3 – Omega 3 | กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่

โอเมก้า 3 กินตอนไหน | อาหารเสริมโอเมก้า 3 (Omega-3) ควรรับประทานตอนไหน? ควรรับประทานวันละเท่าไหร่? เด็กควรรับประทานวันละเท่าไหร่? ผู้ใหญ่ควรรับประทานวันละเท่าไหร่? ผู้สูงอายุควรรับประทานวันละเท่าไหร่? สตรีมีครรภ์ควรรับประทานวันละเท่าไหร่?

Omega-3 vs Omega-6 vs Omega-9

โอเมก้า 3 กินตอนไหน

สามารถรับประทานอาหารเสริมโอเมก้า 3 ตอนไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ตอนกลางวัน ตอนเย็น สามารถรับประทานต่อเนื่องได้ทุกวัน (ถ้ายี่ห้อนั้นไม่มีสารพิษโลหะหนักหรือสารปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม) แต่ที่สำคัญที่สุดคือควรรับประทานพร้อมมื้ออาหารเพื่อทำให้ไขมันดูดซึมได้ดี ไม่ควรรับประทานตอนท้องว่าง

โอเมก้า 3 | คืออะไร? ช่วยอะไร? มีข้อเสียอะไร?

โอเมก้า 3 กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่
โอเมก้า 3 กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่

โอเมก้า 3 กินวันละเท่าไหร่

ไม่มีปริมาณที่แน่นอนเฉพาะบุคคลเพราะว่า

  • แต่ละคนรับประทานอาหารหลักไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน
  • อาหารเสริมแต่ละยี่ห้อมีสัดส่วน ALA : EPA : DHA ไม่เท่ากัน
  • อาหารเสริมแต่ละยี่ห้อมีไขมันอื่นที่ไม่ใช่ Omega-3 ไม่เท่ากัน

จากการสำรวจภาวะสุขภาพและโภชนาการระดับชาติโดยการตรวจร่างกาย (National Health and Nutrition Examination Survey) แนะนำปริมาณของ ALA จากอาหาร เท่ากับ 1.59 กรัมต่อวัน สำหรับผู้หญิง และ 2.06 กรัมต่อวัน สำหรับผู้ชาย

สำนักงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (The European Food Safety Authority) แนะนำปริมาณ EPA และ DHA เท่ากับ 250 มิลลิกรัมต่อวัน

Omega-3 จากพืช VS Omega-3 จากสัตว์

อาหารเสริมโอเมก้า 3 เกรดการแพทย์

Bio Active Lipids

Bio Active Lipids | อาหารเสริมน้ำมันปลาเกรดการแพทย์ มีส่วนประกอบ ดังนี้

  1. Concentrated fish-omega3 triglycerides = 1000mg
  2. equiv. Eicosapentaenoic acid (EPA) = 360mg
  3. equiv. Docosahexaenoic acid (DHA) = 240mg
Wellness Hub – Good Gut

Good Gut คือ อาหารเสริมใยอาหารประเภทละลายน้ำ (Water Soluble Dietary Fiber) ชนิดพาร์เชียลลี ไฮโดรไลซ์ กัวร์กัม (PHGG : Partially Hydrolyzed Guar Gum) ที่สกัดมาจากเมล็ดกัวร์ (Guar Bean) ประเทศญี่ปุ่น ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ด้านนี้มายาวนานกว่า 35 ปี ทำให้มั่นใจได้ว่ามาจากธรรมชาติ ปราศจากพืชดัดแปลงพันธุกรรม การสังเคราะห์ และปลอดภัยจากสารพิษต่างๆ

ได้รับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและด้านอาหาร ดังนี้

  • FDA | องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา
  • Low – FODMAP | อาหารย่อยง่าย ไม่ท้องอืด ไม่ท้องผูก ไม่ท้องเฟ้อ ไม่ท้องเสีย ไม่ปวดท้อง
  • GMO Free | ไม่มีพืชดัดแปลงพันธุกรรม
  • Allergen Free | ไม่ทำให้เกิดการแพ้
  • VEGAN | มาตรฐานอาหารเจ – มังสวิรัติ – วีแกน
  • HALAL | มาตรฐานอาหารอิสลาม
  • KOSHER | มาตรฐานอาหารยิว

มีงานวิจัยเฉพาะของ PHGG (Partially Hydrolyzed Guar Gum) ทั้งในหลอดทดลอง ในสิ่งมีชีวิต และในมนุษย์ ว่ามีคุณประโยชน์ต่างๆ ดังนี้

  1. มีส่วนช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ
  2. มีส่วนช่วยทำให้ระบบภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรง
  3. มีส่วนช่วยป้องกันโรคอ้วน
  4. มีส่วนช่วยป้องกันโรคท้องผูก
  5. มีส่วนช่วยป้องกันโรคท้องเสีย
  6. มีส่วนช่วยป้องกันโรคลำไส้แปรปรวน (IBS: Irritable Bowel Sysdrome)
  7. มีส่วนช่วยป้องกันโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD: Inflammatory Bowel Disease)
  8. มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้
  9. มีส่วนช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้
  10. มีส่วนช่วยเพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุ
  11. มีส่วนช่วยเพิ่มกรดไขมันสายสั้น (SCFAs: Short-Chain Fatty Acids) ในลำไส้
  12. มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือด
  13. มีส่วนช่วยลดค่าดัชนีน้ำตาล (GI: Glycemic Index)
  14. มีส่วนช่วยลดความโหยหลังจากมื้ออาหาร
  15. มีส่วนช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย
  16. มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1C: Hemoglobin A1C)

ละลายน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ดื่มวันละ 1 ซอง

Similar Posts