Astaxanthin – แอสต้าแซนทีน – แอสต้าแซนธิน | ยี่ห้อไหนดี?
Astaxanthin หรือ แอสต้าแซนทีน หรือ แอสต้าแซนธิน หรือ แอสต้าแซนทิน ยี่ห้อไหนดี … เป็นคำถามที่คนส่วนใหญ่ที่เมื่อสนใจอาหารเสริมแอสต้าแซนทิน แต่ไม่รู้วิธีการเลือกซื้อว่าควรดูอะไรบ้าง วิธีการกินว่าควรกินตอนไหน ควรกินวันละเท่าไหร่ มีผลข้างเคียงที่ควรระวังไหม วิธีการเก็บว่าควรเก็บรักษายังไงไม่ให้เสื่อมสลาย รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่ควรเอามาใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกซื้อด้วย
Astaxanthin | สารต้านอนุมูลอิสระที่แรงกว่า วิตามินซี 6,000 เท่า
Astaxanthin ยี่ห้อไหนดี | ดูคุณภาพก่อน
อย่างแรกเลย เราจะกินแอสต้าแซนทิน เราก็ต้องดูที่แอสต้าแซนทินมาก่อนเลย ดูในทีนี้หมายถึงดูคุณภาพก่อนว่าเป็นแอสต้าแซนทินที่มาจากธรรมชาติ (Natural Astaxanthin) หรือว่าเป็นแบบสังเคราะห์ (Synthetic Astaxanthin) ถ้ามาจากธรรมชาติราคาก็จะสูงหน่อยแต่เป็นของดี ถ้ามาจากการสังเคราะห์ราคาก็จะต่ำหน่อยแต่ก็พอถูไถ อารมณ์เหมือนเราไปซื้อสินค้าของแท้ของเทียบแหละครับ ประมาณเดียวกัน
ปกติแล้วสารแอสต้าแซนทินจะพบมากที่สุดในสาหร่าย ฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus Pluvialis) ซึ่งเป็นสาหร่ายทะเลน้ำลึก กว่าจะเลี้ยง กว่าจะเอามาสกัด ทั้งหมดนี้ถ้าจะทำให้เป็นธรรมชาติ ต้องใช้งบประมาณที่สูงกว่าการสังเคราะห์ ก็เป็นเรื่องปกติของสินค้าทุกอย่างในโลก ของดีราคาสูงอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ของแพง
รายชื่อบริษัทผู้ผลิตแอสต้าแซนทินจากธรรมชาติ มีคร่าวๆ ดังนี้
- Alimtec Sa (Chile)
- Valensa International (U. S. Nutraceuticals LLC) (United States)
- Fenchem Biotek Ltd. (China)
- Fuji Chemical Industry Co. Ltd. (Japan)
- Astareal Co. Ltd. (Japan)
รายชื่อบริษัทผู้ผลิตแอสต้าแซนทินสังเคราะห์ มีคร่าวๆ ดังนี้
- Basf Se (Germany)
- Divis Laboratories Limited (India)
- Royal Dsm Nv (The Netherlands)
- Zhejiang Medicine Co. Ltd. (China)
- Zhejiang Nhu Co. Ltd. (China)
รายชื่อบริษัทผู้เพาะเลี้ยงสาหร่ายและสกัด มีคร่าวๆ ดังนี้
- Pharmalink Extracts Ltd (New Zealand)
- Phasex Corporation (United States)
- Radient Inc. (Canada)
- Subitec GmbH (Germany)
- Thar Process, Inc. (United States)
เราในฐานะผู้บริโภค ควรมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการเลือกซื้อ เวลาพลิกดูฉลากก็ลองเอาข้อมูลไปค้นหาดูว่าเป็นแบบไหน จริงๆ รายชื่อบริษัทมีมากกว่านี้แต่ผมขออนุญาตยกตัวอย่างมาให้ดูคร่าวๆ
แนะนำให้ท่านที่สนใจจะกินอาหารเสริมแอสต้าแซนทินเลือกซื้อยี่ห้อที่ใช้แอสต้าแซนทินจากธรรมชาติจะดีที่สุด เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด
Astaxanthin ควรกินคู่กับอะไร? ไม่ควรกินคู่กับอะไร?
Astaxanthin ยี่ห้อไหนดี | ดูปริมาณต่อเม็ด
ปัจจัยต่อมาที่ควรมาใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกซื้อคือ “ปริมาณต่อเม็ด” ตามงานวิจัยที่มีในปัจจุบันแนะนำว่าควรกินวันละ 4-6 มิลลิกรัม/วัน ก็พอแล้ว ปริมาณสำหรับการดูแลตัวเองนะครับ ไม่ใช่สำหรับรักษาโรค สำหรับคนปกติกินเพื่อใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเอาไว้ปกป้องเซลล์ ปกป้องร่างกาย แต่ถ้าเงื่อนไขสำหรับรักษาโรคควรต้องปรึกษาแพทย์เพื่อดูอาการเป็นรายๆ ไป
ผลข้างเคียงของการกินแอสต้าแซนทินในปริมาณที่สูงและติดต่อกันเป็นเวลา อาจจะทำให้มีปวดท้อง ลำไส้ขยับมาก หรืออุจจาระเป็นสีแดง ได้
แนะนำว่าควรกินพร้อมมื้ออาหารไปเลย จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแอสต้าแซนทินได้ดีเพราะธรรมชาติของแอสต้าแซนทินจะละลายในน้ำมัน ไม่ละลายในน้ำ
Astaxanthin กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่
Astaxanthin ยี่ห้อไหนดี | ดูอย่างอื่นร่วมด้วย
ความรู้วิทยาศาสตร์สุขภาพในปัจจุบันพัฒนาไปไกลและเร็วกว่าในอดีตมาก ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมก็ถูกพัฒนาไปไกลกว่าเดิมมาก แต่พื้นฐานก็เป็นเรื่อง
อาหารเสริมผิวขาว | กินแล้วทำให้ ขาว-ใส-ออร่า
มีใส่ส่วนผสมอื่นอะไรมาบ้าง
ในยี่ห้อนั้นลองพลิกดูฉลากว่ามีส่วนผสมอื่นๆ ใส่เข้ามาด้วยหรือเปล่า เพราะในปัจจุบันมีสารที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกเยอะมาก เราก็ค่อยๆ มาไล่ดูทีละอันว่าเค้าใส่อะไรเพิ่มเข้ามาบ้างและปริมาณเท่าไหร่ บางทีเค้าใส่สารสำคัญเข้ามาเพิ่มนะครับแต่ปริมาณนิดเดียว ใส่เข้ามาเพื่อเป็นจุดขายเท่านั้น เอาไว้โฆษณา แต่ปริมาณน้อยนิดไม่ได้มีผลต่อร่างกายอะไรเลย เหมือนมีลมพัดผ่านเบาๆ แค่ให้พอรู้สึกว่ามีลม แต่ไม่ได้มีผลอะไรต่อร่างกาย ต้องดูเป็นเคสๆ ไป
นอกจากนี้ก็จะเป็นเทคโนโลยีในการดูดซึม เพราะปัญหาหลักของอาหารเสริมที่ละลายในไขมันคือการดูดซึม ถ้าสามารถทำให้สารอาหารที่ละลายในไขมันละลายในน้ำได้ก็จะดีเยี่ยมเลย เพราะส่วนประกอบหลักในร่างกายคือน้ำ (70% ของร่างกาย คือ น้ำ)
เหมือนเสียเงินซื้อไป 100 นึง ถ้าดูดซึมได้ 100 ก็คุ้มค่า แต่ถ้าเสียเงินซื้อไป 100 นึง แต่ดูดซึมได้เพียง 50 อีก 50 ดูดซึมไม่ได้ เอาทิ้ง แบบนี้เสียเงินเปล่าๆ ไปครึ่งนึงเลยนะครับ
น้ํามันปลา VS น้ํามันตับปลา | ต่างกันยังไง? อะไรดีกว่า?
มีใส่สารต้านอนุมูลอิสระไหม
ธรรมชาติของทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกจะเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ร่างกาย รถยนต์ เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เสื่อมไปทีละนิดๆ ทุกวัน แอสต้าแซนทินเองก็เหมือนกันที่จะเสื่อมลงทุกวัน ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแอสต้าแซนทินควรมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ใส่เข้ามาในทุกๆ เม็ด เพราะก่อนที่เราจะกินเข้าปากไปเราไม่รู้ว่าแอสต้าแซนทินได้เสื่อมสลายไปขนาดไหนแล้ว
ควรมีส่วนผสมวิตามินอี (Vitamin E) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในน้ำมัน ส่วนเป็นรูปแบบไหนและปริมาณเท่าไหร่ ต้องดูเป็นเคสๆ ไป เพราะวิตามินอีก็มีหลายฟอร์ม ปริมาณที่ใส่เข้าไปก็เหมือนกัน พอที่จะครอบคลุมการปกป้องสารอาหารทั้งเม็ดหรือไม่
Coenzyme Q10 / โคเอ็นไซม์ คิวเท็น | คืออะไร?
บรรจุภัณฑ์เป็นแบบไหน
แบบที่ดีที่สุด คือ แบบเม็ดเดี่ยวแยกใส่แผง เวลากินก็จะต้องแกะเอาเม็ดออกมาจากแผงทีละเม็ด แบบนี้คือดีที่สุด เพราะเราจะมั่นใจได้ว่าสารสำคัญต่างๆ ในเม็ดได้ถูกปกป้องอย่างดีจนกระทั่งเราเอาเข้าปากกลืนลงไป แต่ถ้าแบบใส่กระปุกระหว่างที่เราเปิดเพื่อหยิบขึ้นมากิน 1 เม็ด อากาศและแสงก็จะเข้าไปภายในกระปุก ทำให้สารสำคัญค่อยๆ เสื่อมสลายไปทีละนิด
เหมือนเราเสียเงินซื้อไป 100 เราก็อยากได้กิน 100 ถ้าแบบนี้ก็คุ้มค่า แต่ถ้าเสียเงินไป 100 แล้วได้กิน 50 อันนี้ก็ไม่คุ้ม เสียเงินเปล่าไปครึ่งนึง
โอเมก้า 3 6 9 | Omega-3 vs Omega-6 vs Omega-9
แอสต้าแซนทินเกรดการแพทย์
AstaSure อาหารเสริมที่คิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
บริษัทแรกในโลกที่สามารถผลิตแอสต้าแซนทินจากธรรมชาติ มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 30 ปี มาจากการเลี้ยงสาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส ในพื้นที่ปิด ที่มีความเงียบสงบเป็นธรรมชาติ เพื่อให้ได้สารแอสต้าแซนทินที่มีประโยชน์สูงสุด และสะอาดปลอดภัย
นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของน้ำมันที่มีประโยชน์กับร่างกายอีก 9 ชนิด คือ
- น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed Oil)
- น้ำมันโบราจ (Borage Oil)
- น้ำมันงาขี้ม้อน (Perilla Oil)
- น้ำมันอโวคาโด (Avocado Oil)
- น้ำมันจมูกข้าวสาลี (Wheat Germ Oil)
- น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil)
- น้ำมันเมล็ดองุ่น (Grape Seed Oil)
- น้ำมันอีฟนิ่งพรีมโรส (Evening Primrose Oil)