เวชศาสตร์ชะลอวัย หลอกลวง จริงหรือเปล่า?

เวชศาสตร์ชะลอวัย หลอกลวง จริงหรือเปล่า? ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่สงสัย หรือบางคนอาจจะเคยเจอเหตุการณ์ที่แปลกๆ ชวนน่าสงสัย วันนี้ผมขอมาแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอกับตัวเองมา เพื่อเป็นประโยชน์และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของคนที่กำลังสงสัยประเด็นนี้อยู่

Anti Aging | ภาษาคนธรรมดาที่ไม่ใช่หมอ

เวชศาสตร์ชะลอวัย หลอกลวง จริงหรือเปล่า?
เวชศาสตร์ชะลอวัย หลอกลวง จริงหรือเปล่า?

ประสบการณ์จริงส่วนตัว

ผมเองพื้นฐานไม่ได้เป็นหมอนะครับ ถึงแม้จะเรียนสายวิทย์-คณิตมาก็ตาม ตอน ม.ปลาย ผมนี่ไม่ชอบวิชาชีววิทยาเลย เพราะเราไม่ชอบท่อง ไม่ชอบจำ แต่พอโตมาสักช่วงอายุ 25 ปี ก็เริ่มเปลี่ยนความคิด เริ่มหันมาสนใจเรื่องสุขภาพเพราะมันต่อเนื่องมาจากการชอบออกกำลังกาย คือผมต้องบอกก่อนว่าครอบครัวผมสนับสนุนให้ออกกำลังกาย ให้เล่นกีฬา มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยู่ติดตัวผมมาตั้งแต่เล็กๆ เลยก็คือการมีกิจกรรมทางกาย เราชอบเรื่องกีฬา ชอบเรื่องออกกำลังกาย สนใจทุกอย่างแบบอัติโนมัติเพราะมันสนุก ส่วนตัวผมผ่านการเล่นกีฬามาหลากหลายรูปแบบตั้งแต่เด็ก

เวชศาสตร์ชะลอวัย | 3 เรื่องที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด

ได้ยินครั้งแรก !!!

จำได้ว่าช่วงอายุประมาณ 25 ปี ผมได้มีโอกาสเข้าไปเจอธุรกิจเครือข่าย (MLM) ชื่อดังยี่ห้อนึง ตอนนั้นเราสนใจเข้าไปเรียนรู้ อยากเปิดโอกาสให้กับตัวเอง และก็อยากลองดูด้วย ที่นั่นเป็นที่แรกที่เราได้ยินคำว่า “สุขภาพสมบูรณ์สูงสุด (Optimal Health)” ได้ยินคำว่า “Anti-Aging” ตอนนั้นเราก็มีวุฒิภาวะตามคนอายุประมาณ 25 ปีแหละครับ ผมเข้าใจคำว่า “เวชศาสตร์ชะลอวัย” ว่าคือเกี่ยวกับอาหารเสริม และคอนเซบคร่าวๆ ว่าจะดูแลร่างกายตัวเองยังไงให้มีสุขภาพดีที่สุด ไม่ใช่แค่ไม่เจ็บไม่ป่วย คือเรียกว่าฟิตที่สุด ดีที่สุด สรุปว่า 2 อย่างที่เราเห็น คือ อาหารเสริมและสุขภาพสมบูรณ์สูงสุด แค่นั้น

ได้ยินครั้งที่สอง !!!

ชีวิตผมก็ผ่านมาเรื่อยๆ ตามดวง ตามโชคชะตา ตามสังคม ตามความฝัน ก็มาเรื่อยๆ จนกระทั่งอายุประมาณ 32 ปี ได้มีโอกาสได้ยินคำว่าเวชศาสตร์ชะลอวัยเป็นอีกครั้งนึง อ้อ…ผมลืมบอกไปว่า ผมเข้าไปทำธุรกิจเครือข่ายยี่ห้อนั้นยี่ห้อเดียว เป็นระยะเวลานึงเท่านั้นนะครับ ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมายแล้วก็เลิกไป แต่ก็ได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมายจากที่นั่น และก็เลิกทำ เลิกเข้าประชุม เลิกติดต่อ แต่ก็ยังมีเข้าไปซื้อสินค้ามาใช้เองอยู่เรื่อยๆ ผมมาได้ยินเวชศาสตร์ชะลอวัยอีกครั้งนึงตอนที่ผมเข้าไปเรียนอบรมเพื่อเป็นครูสอนพิลาทิส (Pilates Instructor) ที่สถาบันที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยแห่งนึง ในระหว่าง 25 ถึง 30 ปี ผมก็เริ่มสนใจเวชศาสตร์ชะลอวัยนะครับ แต่ก็แค่เริ่มๆ และอีกอย่างเคยคุยกับหมอที่รู้จักกันเค้าบอกว่าเค้าอนุญาตให้เฉพาะหมอเรียน คนธรรมดาเรียนไม่ได้ เลยก็ได้แต่สนใจอยู่ห่างๆ ไม่ได้อะไรมาก เพราะยังไงเราก็ไม่ได้มีสิทธิ์ศึกษาอย่างจริงจังอยู่แล้ว แต่พอมาเรียนเป็นครูสอนพิลาทิสทำให้ผมได้เจอรุ่นพี่ท่านนึงที่เพิ่งเรียนจบปริญญาโททางด้านนี้มา และสิ่งที่ทำให้ผมเริ่มสนใจมากขึ้นอีกเป็นกอง คือ ความเข้าใจใหม่ที่ว่าคนธรรมดาสามารถเรียนได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอ

ได้ยินครั้งที่สาม !!!

ในแต่ละการเติบโตของชีวิตผมมีเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ เรื่องเกี่ยวกับร่างกายเข้ามาอยู่เรื่อยๆ เป็นเพราะความสนใจของตัวเราเอง ที่พยายามศึกษา พยายามเรียนรู้ พยายามค้นคว้าหาคำตอบให้ได้ว่าเราจะมีสุขภาพที่ดีได้ยังไง การได้ยินเวชศาสตร์ชะลอวัยครั้งที่สามของผมเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยรังสิต ตอนนั้นผมเข้าไปอบรมคอร์สหลักสูตรทำอาหารชะลอวัยระดับยีนส์และการแพทย์บูรณาการ ผมก็ยิ่งเข้าใกล้เวชศาสต์ชะลอวัยเข้าไปอีกขั้น ในตอนนั้นผมเองก็ยังไม่รู้ว่าตกลงแล้วมันคืออะไรกันแน่ ผมเลยถามอาจารย์ที่สอนว่าเวชศาสตร์ชะลอวัยคืออะไร ตอนนั้นหลายคน หลายสินค้า หลายสถานที่ มักใช้คำว่า Anti-Aging หรือชะลอวัย พ่วงเข้าไปด้วยเสมอ แต่ก็ยังไม่เข้าใจแน่ชัดจริงๆ ว่าตกลงแล้วมันเกี่ยวกับอะไร ตอนนั้นอาจารย์ก็ให้คำตอบผมมาว่าเกี่ยวกับสกินหรือความงาม ผมก็เลย…อ่ออออ เข้าใจเพิ่มมาอีกนิด แล้วก็ผ่านไป (มารู้ทีหลังว่าสกินหรือเวชศาสตร์ความงามเป็นเพียงแค่ส่วนนึงของเวชศาสตร์ชะลอวัยเท่านั้น)

ได้เจอของจริง (ซักที)

หลังจากที่เดินผ่านไปมา เดินสวนกัน เดินเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา สุดท้ายก็ได้มาเจอกันสักที ตอนนั้นผมรู้แล้วว่าปริญญาโททางด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยเปิดรับให้คนธรรมดาสามารถเข้าไปเรียนได้ แต่เงื่อนไขคือต้องสอบข้อเขียน สอบภาษาอังกฤษ และสอบสัมภาษณ์ ให้ผ่านให้หมด จากคนที่เรียนแต่ปริญญาตรี ไม่เคยคิดที่จะเรียนปริญญาโทเลย แต่มาครั้งนี้กลับสนใจ ทั้งหมดทั้งมวลผมคิดว่าเพราะความสนใจของเราเองแหละ ไม่มีใครบังคับให้สมัครเข้ามา จำได้ว่าเพื่อนๆ ที่เรียนปริญญาตรีด้วยกันมาส่วนนึง พอจบปุ๊บก็เรียนต่อบริหารกันเลย อีกส่วนนึงพอเข้าไปทำงานช่วงแรกๆ ก็มาเรียนต่อปริญญาโทกัน ซึ่งก็วนๆ อยู่แถวนี้คือบริหารธุรกิจ ก็ไม่ได้ผิดนะครับ แต่ตอนนั้นเราไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย ก็ไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม แต่พอตัวเองโตมาจนถึงอายุประมาณ 34 ปี กลับตัดสินใจมาเริ่มต้นเรียนต่อปริญญาโท และในด้านที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่เราเรียนจบมาเลย แต่เพราะสนใจเลยดึงให้เราเข้ามาหา

เวชศาสตร์ชะลอวัย เรียนที่ไหน ในไทยหรือต่างประเทศ

เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ

พอได้มีโอกาสเข้ามาเรียน มารู้จักเวชศาสตร์ชะลอวัยจริงๆ แล้ว แทบจะลืมสิ่งที่เราเคยได้ยิน สิ่งที่เราเคยเข้าใจ สิ่งที่คนอื่นๆ บอกเรามาหมด ก็มีส่วนนึงที่ถูกนะครับ แต่ก็มีอีกหลายส่วนเลยที่ไม่ใช่ เข้าใจผิดกันมาหมด เวชศาสตร์ชะลอวัย ย่อมาจาก “เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ” หรือภาษาอังกฤษ “Anti-Aging and Regenerative Medicine” เป็นศาสตร์ทางด้านการแพทย์อย่างนึงที่เข้าไปศึกษาส่วนที่เล็กที่สุดของร่างกาย เพื่อทำความเข้าใจการทำงานทั้งหมดของมัน และค้นหาวิธีที่จะทำยังไงก็ได้เพื่อให้มันทำงานสมบูรณ์ดีที่สุด โดยเชื่อว่าเมื่อส่วนที่เล็กที่สุดของร่างกายได้ทำงานดีที่สุดตามหน้าที่ของมันแล้ว ร่างกายซึ่งคือส่วนประกอบของส่วนที่เล็กๆ มารวมกัน จะทำงานได้ดีที่สุดเอง

เรียนไปพร้อมกันกับหมอ

ตอนแรกที่เข้ามาเรียนผมก็ตกใจ เพราะนอกจากเนื้อหาจะโคตรยากสำหรับเราแล้ว ยังต้องมานั่งเรียนพร้อมกันกับหมอ อาชีพที่ก่อนหน้านี้ส่วนตัวก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แต่เพราะอาจารย์เชื่อว่าเรื่องราวทั้งหมดของ Anti-Aging ส่วนใหญ่ 90% ต้องขึ้นกับเจ้าของร่างกาย มีเพียงส่วนน้อยอีก 10% เท่านั้น ที่ขึ้นกับหมอ การเรียนของคนธรรมดาไม่ใช่เพื่อไปรักษาใคร แต่เอาความรู้ทั้งหมดมาเพื่อดูแลตัวเอง ก็อย่างที่อาจารย์พูดก็ถูกว่า 90% ของทั้งหมดขึ้นกับเจ้าของร่างกายเป็นคนดูแลตัวเอง หมอมีหน้าที่อีกเพียง 10% ที่คอยไกด์ คอยแนะนำ คอยวินิจฉัยให้ แต่แทบจะทั้งหมดแล้วคือความรับผิดชอบของเจ้าของร่างกายเอง

เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลรัฐ มีหรือเปล่า?

เรียนความรู้สารพัดเรื่อง ทุกอย่างคือองค์รวม

ได้เรียนรู้เรื่องยากๆ หลากหลายและครอบคลุมเรื่องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็น…

  • Cell Biology
  • DNA,RNA, Nuclear Structure, Chromosome
  • Histology
  • Anatomy and Physiology
  • Genetic and Epigenetic
  • Neurosceince
  • Liver Detoxification
  • Cellular Immunology
  • Cancer Cell Biology
  • Holistic Approach for Optimal Health
  • Good Food, Bad Food
  • Gut Health
  • Water Treatment
  • Sleep and Stress Management
  • Heavy Metal Poisoning
  • Mindfulness
  • Exercise and Sport Medicine
  • Fasting Detox
  • Environment Pollution
  • Home Pollution
  • Nutritional Biochemistry
  • Carbohydrate and Metabolism
  • Lipid and Metabolism
  • Protein and Metabolism
  • Nutritional Genomic
  • Vitamin, Mineral
  • Antioxidant and Phytochemical
  • Water and Electrolyte
  • Hormone and Replacement Therapy
  • Statistics for Medical Research

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ส่วนนึงที่ผมได้มีโอกาสเรียนรู้เท่านั้น ยังมีอีกมากที่ไม่เอามาเล่าให้ฟัง สรุปแล้วเวชศาสตร์ชะลอวัยในมุมมองของผมหลังจากที่มาเจอของจริง เวชศาสตร์ชะลอวัย คือ วิทยาศาสตร์การแพทย์ล้วนๆ เลย เรียนกันตั้งแต่ภายในมาจนภายนอก ร่างกายและจิตใจ รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ ส่วนเรื่องการเอาไปดัดแปลง เอาไปทำมาค้าขาย เอาไปทำธุรกิจ อะไรยังไงก็ต้องแล้วแต่บุคคลที่เอาไปใช้แล้วครับ

เวชศาสตร์ชะลอวัย หลอกลวง หรือเปล่าผมไม่รู้

ผมไม่รู้นะครับว่าแต่ละท่านเจอเหตุการณ์อะไรมาบ้าง แต่ผมก็เล่าจากประสบการณ์ที่ผมผ่านมาให้ฟังบางส่วนเท่านั้น นอกนั้นก็ต้องแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละท่านละครับต้องลองเอาไปตัดสินใจดูว่าเป็นยังไง

หนังสือที่จะทำให้คุณเข้าใจเซลล์ของคุณ

E-Book | ความลับชะลอวัย (Secrets of Anti-Aging)

ในหนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปเรียนรู้ร่างกายของตัวเอง ว่าทำงานยังไง อะไรบ้างที่ทำให้แก่เร็ว อะไรบ้างที่ทำให้แก่ช้า และสุดท้ายจะทำยังไงให้ชะลอความแก่ชราออกไปให้นานที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ ผ่านจากเรียนรู้ทั้งหมด 7 บท คือ

  1. เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ (Anti-Aging and Regenerative Medicine)
  2. ทฤษฎีความชราในอดีต (Aging Theory in The Past)
  3. ทฤษฎีความชราในปัจจุบัน (Aging Theory in The Present)
  4. ปัจจัยที่เหนือกว่าพันธุกรรม (Epigenetic)
  5. ปัจจัยที่เร่งการแก่ชรา (Aging Force)
  6. ปัจจัยที่ยับยั้งการแก่ชรา (Anti-Aging Force)
  7. ใช้ชีวิตยังไงให้ชะลอวัย (How to Anti-Aging)

หนังสือที่จะทำให้คุณเข้าใจฮอร์โมนของคุณ

E-Book | ฮอร์โมนเพื่อชะลอวัย (Hormone for Anti-Aging)

ในหนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปเรียนรู้ฮอร์โมนที่มีอยู่ในร่างกายของตัวเอง ว่าทำงานยังไง อะไรบ้างที่ทำให้ฮอร์โมนมากเกินไป อะไรบ้างที่ทำให้ฮอร์โมนน้อยเกินไป และจะทำยังไงให้ฮอร์โมนทำงานสมบูรณ์ ผ่านจากเรียนรู้ทั้งหมด 20 บท คือ

  1. ความรู้พื้นฐานของระบบฮอร์โมน (Basic Concept of Hormone)
  2. ฮอร์โมนแห่งการต้านแก่ (Growth Hormone)
  3. ฮอร์โมนแห่งการนอนหลับ (Melatonin Hormone)
  4. ฮอร์โมนแห่งการเผาผลาญพลังงานขั้นพื้นฐาน (Thyroid Hormone)
  5. ฮอร์โมนแห่งการอยู่รอด (Cortisol Hormone)
  6. แม่ของทุกฮอร์โมนประเภทไขมัน (Pregnenolone Hormone)
  7. ฮอร์โมนแห่งการควบคุมความดัน (Aldosterone Hormone)
  8. ฮอร์โมนเพศชายอย่างแรก (DHEA Hormone)
  9. ฮอร์โมนแห่งความตกใจ โมโห หดหู่ (Catecholamines Hormone)
  10. ฮอร์โมนแห่งการเจริญเติบโตไปข้างหน้า (Insulin Hormone)
  11. ฮอร์โมนแห่งการลดความอ้วน (Glucagon Hormone)
  12. ฮอร์โมนแห่งความสุข (Dopamine-Endorphin-Oxytocin-Serotonin Hormone)
  13. ฮอร์โมนแห่งการอักเสบ (Prostaglandins Hormone)
  14. กลุ่มฮอร์โมนแห่งความเป็นเพศชาย (Androgen Group Hormone)
  15. กลุ่มฮอร์โมนแห่งความเป็นเพศหญิง (Estrogen Group Hormone)
  16. กลุ่มฮอร์โมนแห่งความแข็งแรงของกระดูก (Parathyroid-Calcitonin Hormone)
  17. ฮอร์โมนที่เกิดจากไขมันสะสม (Fat Hormone)
  18. ฮอร์โมนทุกอย่างทำงานร่วมกัน (Hormone Symphony)
  19. อาการที่ทำให้รู้ว่าฮอร์โมนเพี้ยน (Health Effect to Hormone Dysfunction)
  20. ทำยังไงให้ฮอร์โมนทำงานสมบูรณ์ (Lifestyle for Optimal Hormone)
Youtube : เวชศาสตร์ชะลอวัย หลอกลวง จริงหรือเปล่า?

Similar Posts