น้ํามันปลา – Fish Oil | กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่

น้ํามันปลา กินตอนไหน | อาหารเสริมน้ำมันปลา (Fish Oil) ควรรับประทานตอนไหนดีที่สุด? ควรรับประทานวันละเท่าไหร่? เด็กควรรับประทานวันละเท่าไหร่? ผู้ใหญ่ควรรับประทานวันละเท่าไหร่? ผู้สูงอายุควรรับประทานวันละเท่าไหร่? สตรีมีครรภ์ควรรับประทานวันละเท่าไหร่?

น้ํามันปลา VS น้ํามันตับปลา | ต่างกันยังไง? อะไรดีกว่า?

น้ํามันปลา กินตอนไหน

สามารถรับประทานอาหารเสริมน้ำมันปลาตอนไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ตอนกลางวัน หรือตอนเย็น สามารถรับประทานต่อเนื่องได้ทุกวัน (ถ้ายี่ห้อนั้นไม่มีสารพิษโลหะหนักหรือสารปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม) แต่ที่สำคัญที่สุดคือควรรับประทานพร้อมมื้ออาหารเพื่อทำให้ไขมันดูดซึมได้ดี ไม่ควรรับประทานตอนท้องว่าง นอกจากนั้นแล้วยังทำให้ลดผลข้างเคียงเรื่องกลิ่นคาวปลาทะเลหลังจากรับประทานด้วย

น้ำมันปลา Fish Oil | ช่วยอะไร? มีผลข้างเคียงอะไร?

น้ํามันปลา กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่
น้ํามันปลา กินตอนไหน กินวันละเท่าไหร่

น้ํามันปลา กินวันละเท่าไหร่

เด็กเล็ก ผู้ป่วย นักกีฬา

ทารก เด็กเล็ก ผู้ป่วย และนักกีฬา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล

เด็กโต ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ

สำนักงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (The European Food Safety Authority) แนะนำปริมาณของน้ำมันปลาที่มีส่วนผสมระหว่าง EPA และ DHA เท่ากับ 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ไม่มีปริมาณที่แน่นอนเฉพาะบุคคลเพราะว่า

  • แต่ละคนรับประทานอาหารหลักไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน
  • อาหารเสริมน้ำมันปลาแต่ละยี่ห้อมีสัดส่วน EPA : DHA ไม่เท่ากัน
  • อาหารเสริมน้ำมันปลาแต่ละยี่ห้อมีไขมันอื่นที่ไม่ใช่ Omega-3 ไม่เท่ากัน

สตรีมีครรภ์หรือระหว่างให้นมบุตร

สมาคมสูตินรีแพทย์สหรัฐอเมริกา (The American College of Obstetricians and Gynecologists) แนะนำปริมาณ DHA เท่ากับ 200-300 มิลลิกรัมต่อวัน และที่สำคัญน้ำมันปลาไม่ควรมีสารพิษปรอทและสารพิษจากสิ่งแวดล้อมปนเปื้อน

น้ํามันปลา ยี่ห้อไหนดี | วิธีเลือกซื้อและวิธีกิน

อาหารเสริมน้ำมันปลาเกรดการแพทย์

Bio Active Lipids

Bio Active Lipids | อาหารเสริมน้ำมันปลาเกรดการแพทย์ มีส่วนประกอบ ดังนี้

  1. Concentrated fish-omega3 triglycerides = 1000mg
  2. equiv. Eicosapentaenoic acid (EPA) = 360mg
  3. equiv. Docosahexaenoic acid (DHA) = 240mg
Wellness Hub – Good Gut

Good Gut คือ อาหารเสริมใยอาหารประเภทละลายน้ำ (Water Soluble Dietary Fiber) ชนิดพาร์เชียลลี ไฮโดรไลซ์ กัวร์กัม (PHGG : Partially Hydrolyzed Guar Gum) ที่สกัดมาจากเมล็ดกัวร์ (Guar Bean) ประเทศญี่ปุ่น ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ด้านนี้มายาวนานกว่า 35 ปี ทำให้มั่นใจได้ว่ามาจากธรรมชาติ ปราศจากพืชดัดแปลงพันธุกรรม การสังเคราะห์ และปลอดภัยจากสารพิษต่างๆ

ได้รับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและด้านอาหาร ดังนี้

  • FDA | องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา
  • Low – FODMAP | อาหารย่อยง่าย ไม่ท้องอืด ไม่ท้องผูก ไม่ท้องเฟ้อ ไม่ท้องเสีย ไม่ปวดท้อง
  • GMO Free | ไม่มีพืชดัดแปลงพันธุกรรม
  • Allergen Free | ไม่ทำให้เกิดการแพ้
  • VEGAN | มาตรฐานอาหารเจ – มังสวิรัติ – วีแกน
  • HALAL | มาตรฐานอาหารอิสลาม
  • KOSHER | มาตรฐานอาหารยิว

มีงานวิจัยเฉพาะของ PHGG (Partially Hydrolyzed Guar Gum) ทั้งในหลอดทดลอง ในสิ่งมีชีวิต และในมนุษย์ ว่ามีคุณประโยชน์ต่างๆ ดังนี้

  1. มีส่วนช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ
  2. มีส่วนช่วยทำให้ระบบภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรง
  3. มีส่วนช่วยป้องกันโรคอ้วน
  4. มีส่วนช่วยป้องกันโรคท้องผูก
  5. มีส่วนช่วยป้องกันโรคท้องเสีย
  6. มีส่วนช่วยป้องกันโรคลำไส้แปรปรวน (IBS: Irritable Bowel Sysdrome)
  7. มีส่วนช่วยป้องกันโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD: Inflammatory Bowel Disease)
  8. มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้
  9. มีส่วนช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้
  10. มีส่วนช่วยเพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุ
  11. มีส่วนช่วยเพิ่มกรดไขมันสายสั้น (SCFAs: Short-Chain Fatty Acids) ในลำไส้
  12. มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือด
  13. มีส่วนช่วยลดค่าดัชนีน้ำตาล (GI: Glycemic Index)
  14. มีส่วนช่วยลดความโหยหลังจากมื้ออาหาร
  15. มีส่วนช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย
  16. มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1C: Hemoglobin A1C)

ละลายน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ดื่มวันละ 1 ซอง

Similar Posts