วิตามิน ดี – Vitamin D | ยี่ห้อไหนดี? | วิธีเลือกซื้อและวิธีกิน
วิตามินดี ยี่ห้อไหนดี | วิธีเลือกซื้อควรดูอะไรบ้าง? วิธีรับประทาน? ผลข้างเคียงถ้ามีเยอะเกินไป?
วิตามินดี ยี่ห้อไหนดี | วิธีเลือกซื้อ
1. ดูคุณภาพก่อนเสมอ
วิตามินดี คือ วิตามินชนิดนึงที่ละลายในไขมัน ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย โดยมีรูปแบบทั้ง D1 D2 D3 D4 D5 แต่ที่เป็นโครงสร้างหลักในอาหารเสริมปัจจุบัน คือ
- วิตามินดีสอง (Vitamin D2) | มาจากพืช ประสิทธิภาพต่ำกว่า เสื่อมเร็วกว่า
- วิตามินดีสาม (Vitamin D3) | มาจากสัตว์ ประสิทธิภาพสูงกว่า ทนทานกว่า
ของทุกอย่างมีต้นทุนรวมถึงวิตามินดีด้วย ของดีไม่มีราคาต่ำเป็นเรื่องปกติ ถ้าแบรนด์ไหนราคาต่ำเป็นพิเศษให้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่าอาจจะคุณภาพต่ำ หลายคนเจอปัญหาว่ารับประทานอาหารเสริมวิตามินดีเป็นปี พอไปเจาะเลือดตรวจดูระดับวิตามินดีในเลือดก็ยังต่ำ แต่พอเปลี่ยนมารับประทานอาหารเสริมวิตามินดีที่คุณภาพดี ผ่านไปไม่กี่เดือนระดับวิตามินดีในเลือดก็ขึ้นจนเพียงพอ
2. ดูแบบกินหรือแบบฉีด
แบบกิน | รับประทานเข้าไปทางปาก ดูดซึมเข้าร่างกายผ่านลำไส้เล็ก ตับ ไต แล้วเข้าสู่กระแสเลือด
แบบฉีด | ฉีดเข้ากระแสเลือดโดยตรงเลย เหมาะสำหรับคนที่อยู่ในภาวะขาดวิตามินดีแบบรุนแรง
3. ดูปริมาณต่อเม็ด
วิตามินดีเป็นหนึ่งในอาหารเสริมที่ใช้หน่วยเป็น IU (International Unit) หรือหน่วยสากล เนื่องจากลักษณะทางเคมีของวิตามินแต่ละชนิดมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ไม่เท่ากัน องค์การอนามัยโลก (WHO : World Health Organization) เลยมีการกำหนดหน่วยกลางเพื่อเป็นหน่วยวัด นอกเหนือหน่วย กรัม/มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ที่ใช้บอกปริมาณในอาหารเสริมทั่วไป
อาหารเสริมทั่วไปที่วางขายกันจะมีปริมาณ 10-50,000 IU ต่อเม็ด
4. ดูบรรจุภัณฑ์
แบบขวด | เก็บรักษาคุณภาพได้ดีระดับนึง ทันทีที่เปิดฝาครั้งแรก ทุกเม็ดในขวดจะเริ่มเสื่อม แต่ราคาต่ำ
แบบแผง | เก็บรักษาคุณภาพได้ดีที่สุด ทุกเม็ดจะถูกเก็บแยกกัน ไม่เสื่อมไปตามกัน แต่ราคาสูง
5. ดูส่วนผสมอื่นไหม
ปัจจุบันความรู้วิทยาศาสตร์สุขภาพ (Anti-Aging and Regenerative Medicine) พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนาไปอย่างมาก ทำให้มีการใส่วิตามิน เกลือแร่ หรือสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย เช่น
- Vitamin
- Mineral
- Astaxanthin
- Coenzyme Q10
- Vitamin E
- Zinc
วิตามินดี ยี่ห้อไหนดี | วิธีรับประทาน
วิตามินดีเป็นทั้งวิตามิน ฮอร์โมน และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติละลายในไขมัน
เพราะฉะนั้นควรรับประทานอาหารเสริมวิตามินดีพร้อมอาหาร จะเป็นมื้อไหนก็ได้ เช้า-กลางวัน-เย็น แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือความสามารถในการดูดซึมของลำไส้ ถ้ามีอาการท้องผูก สารอาหารอะไรก็ดูดซึมยาก
เปรียบเทียบให้เห็นภาพ เหมือนรับประทานเข้าไป 100 แต่ร่างกายดูดซึมได้ 10 อีก 90 อุจจาระทิ้งเพราะดูดซึมไม่ได้
วิตามินดี ยี่ห้อไหนดี | ระดับวิตามินดีในเลือด
อ้างอิงจากหนังสือ Musculoskelatal Pain ของ Dr.Alex Vasquez
อาการเมื่อขาด
- กระดูกบาง
- ปวดกล้ามเนื้อ
- อ่อนล้า อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
อาการเมื่อเกิน
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เฉื่อยชา เชื่องช้า ไม่มีแรง
- หิวน้ำ ขาดน้ำ นิ่วในไต
อาหารเสริมวิตามินดีเกรดการแพทย์
Vitamin D3 | อาหารเสริมวิตามินดีสามเกรดการแพทย์มีส่วนประกอบ ดังนี้
- Vitamin D3 = 5,000 IU
Multi Mineral | อาหารเสริมเกลือแร่รวม เกรดการแพทย์ มีส่วนประกอบ ดังนี้
- Calcium AAC 18% (Equivalent to 144 mg) = 800mg
- Magnesium AAC 18% (Equivalent to 27 mg) = 150mg
- Zinc AAC 20% (Equivalent to 7.5 mg) = 37.50mg
- Iron AAC 20% (Equivalent to 5 mg) = 25mg
- Manganese AAC 16% (Equivalent to 1.68 mg) = 10.50mg
- Copper AAC 10% (Equivalent to 1 mg) = 10mg
- Selenium AAC 1% (Equivalent to 35 mcg) = 3.50mg
- Chromium AAC 2.5% (Equivalent to 65 mcg) = 2.60mg
- Vitamin D3 (Equivalent to 75 IU) = 0.75mg
- Boron AAC 10% (Equivalent to 0.15 mg) = 1.50mg
- Vitamin K1 1% (Equivalent to 12 mcg) = 1.20mg
- Potassium Iodide (Equivalent to 74.921 mcg) = 0.098mg
- Molybdenum AAC 2.5% (Equivalent to 12.5 mcg) = 0.50mg
- D-Biotin = 0.075mg
- Folic Acid = 0.10mg