คาเฟอีน – Caffeine | คืออะไร? ไม่ควรเกินวันละเท่าไหร่?
คาเฟอีน หรือ Caffeine | คืออะไร? พบในอะไร? มีประโยชน์อะไร? มีโทษอะไร? ไม่ควรทานเกินวันละเท่าไหร่?
คาเฟอีน | คืออะไร?
คาเฟอีน Caffeine คือ สารกระตุ้นชนิดนึงที่ออกฤทธิ์ในระบบประสาทส่วนกลาง โดยยับยั้งตัวรับของอะดีโนซีน (Adenosine Receptor) เป็นผลทำให้กระตุ้นการตื่นตัว การรับรู้ และระบบประสาท
คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นที่ใช้กันมากที่สุดในโลก มีใช้กันทุกวัน คนทั่วโลกรับประทานเพื่อเพิ่มความตื่นตัว บรรเทาอาการเหนื่อยล้าอ่อนแรง เพิ่มสมาธิในการทำงานหรือกิจกรรมที่กำลังทำ
คาเฟอีนก็เหมือนของทั่วไปบนโลก ที่มีทั้งประโยชน์และโทษ ไม่ได้มีแค่ด้านดีแค่ด้านเดียวเท่านั้น
คาเฟอีน | พบได้ในไหน?
คาเฟอีนสามารถพบได้ตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นในใบ ในเมล็ดพืช และในผลไม้
- กาแฟ (Coffee)
- กาแฟสกัดเย็นไนโตร (Nitro Cold Brew) | 190-260 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- กาแฟดำ (Black Coffee) | 100-200 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- อเมริกาโน (Americano) | 100-200 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- เอสเพรสโซ (Espresso) | 90-200 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- มอคค่า (Mocha) | 90 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- มัคคิอาโต (Macchiato) | 80 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- ลาเต้ (Latte) | 80 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- คาปูชิโน (Capuchino) | 80 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- ดีแคฟ (Decaf) | 10 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- ช็อคโกแลต (Cocoa / Cacao / Chocolate)
- 100% Cocoa | 240 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
- 55% Cocoa | 124 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
- 35% Cocoa | 45 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
- ชา (Tea)
- ชามาเต (Yerba Mate) | 20-180 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- ชาเขียว (Matcha Green Tea) | 60-80 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- ชาดำ (Black Tea) | 60-75 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- ชาอู่หลง (Oolong Tea) | 30-45 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- ชาขาว (White Tea) | 10-15 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- ชาสมุนไพร (Herbal Tea) | 0 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- เครื่องดื่มชูกำลัง (Energy Drinks) | 80 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
- คอมบูชา (Kombucha) | 8-15 มิลลิกรัม ต่อแก้ว
คาเฟอีน | ข้อดี
- เพิ่มการเผาผลาญ | กาแฟ 1 แก้ว (240 ml) เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน 75-150 kCal
- บำรุงสมอง | ช่วยป้องกันการสะสมของคราบพลัคเบต้า อะมัยลอยด์ (Beta-Amyloid Plaques) ที่นำไปสู่ภาวะสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์
- กระตุ้นการขับถ่าย | กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนแกสทริน (Gastrin) และฮอร์โมนคอเลซิสโทไคนิน (Cholecystokinin : CCK) ทำให้ลำไส้เกิดการหดหัว อุจจาระเคลื่อนที่
- ร่างกายตื่นตัว | กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้มีแรง มีพลัง กระปรี้กระเปร่า
- บำรุงหัวใจ | ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจโดยการลดการอักเสบของหลอดเลือด
- เพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย | รับประทานคาเฟอีนก่อนออกกำลังกาย 30-60 นาที ช่วยเพิ่มความอึด เพิ่มกำลัง ในการออกกำลังกาย
- ลดความหิว | กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเปปไทด์ วายวาย (Peptide YY : PYY) ทำให้ลดความหิวลง
- กระตุ้นความจำ | การได้รับคาเฟอีนปริมาณเล็กน้อยช่วยกระตุ้นความจำได้ในระยะยาว
คาเฟอีน | ข้อเสีย
- กร่อนกระดูก | กระตุ้นการลดลงของแคลเซียมในกระดูก เพิ่มการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุน
- สตรีมีครรภ์ | เพิ่มโอกาสในการแท้งลูก ทารกเจริญเติบโตช้า และหัวใจเต้นผิดจังหวะของทารก
- เสพย์ติด | การรับประทานติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความเสี่ยงการเกิดความเคยชินของสมองว่าต้องรับประทานถึงจะมีแรง วันไหนได้รับจะสดชื่น วันไหนไม่ได้รับจะอยู่ไม่ได้ ต้องหามารับประทานถึงจะรู้สึกดี
- ต่อมหมวกไตล้า | กระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) มากกว่าเดิม ทำให้ต่อมหมวกไตต้องทำงานหนักมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการเปิดภาวะต่อมหมวกไตล้า (Adrenal Fatique)
- หัวใจเต้นเร็วขึ้น | กระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนอิพิเนฟริน (Epinephrine) ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
- ความดันสูงขึ้น | กระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
- นอนไม่หลับ | ยับยั้งตัวรับอะดีโนซีน (Adenosine Receptor) ทำให้คุณภาพการนอนหลับลดลง ทั้งเวลาในการนอนหลับ ความลึกในการนอนหลับ ความต่อเนื่องในการนอนหลับ
- ขาดน้ำ | คาเฟอีนต้องขับออกทางไต ทำให้เพิ่มการขับน้ำออกจากร่างกายผ่านปัสสาวะ
คาเฟอีน | ไม่ควรเกินวันละเท่าไหร่?
องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA : Food and Drug Administration) แนะนำว่าไม่ควรรับประทานคาเฟอีนเกิน 400 มิลลิกรัม ต่อวัน
สมาคมสูตินรีแพทย์ของสหรัฐอเมริกา (ACOG : The American College of Obstetricians and Gynecologists) แนะนำว่าสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทานคาเฟอีนเกิน 200 มิลลิกรัม ต่อวัน
สมาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAP : American Academy of Pediatrics) แนะนำว่าเด็กอายุ 12-18 ปี ไม่ควรรับประทานคาเฟอีนเกิน 100 มิลลิกรัม ต่อวัน
เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ควรหลีกเลี่ยง
คาเฟอีน | วิธีรับประทานให้ได้รับผลเสียน้อย
- ไม่ควรรับประทานตอนเช้า | ตอนเช้าร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงที่สุด ไม่ควรรับประทานตอนเช้า ควรรับประทานตอนสายหรือตอนบ่าย หรือรับประทานอาหารเช้าให้เสร็จเรียบร้อยก่อน
- ดื่มน้ำเปล่าที่มีแร่ธาตุ | คาเฟอีน 1 แก้ว ควรดื่มน้ำเปล่าที่มีแร่ธาตุ 2 แก้ว เพื่อเข้าไปชดเชยส่วนที่ผลเสียจากการขับน้ำออกจากร่างกาย
- รับประทานอาหารด่าง | รับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ถั่ว เห็ด เพื่อชดเชยส่วนที่เป็นผลเสียจากการเป็นกรดของร่างกาย
- รสชาติของชีวิต | อย่าคาดหวังว่าจะได้รับแต่ประโยชน์ที่มาจากข้อดีเท่านั้น ยังมีข้อเสียที่ต้องได้รับเหมือนกัน ไม่รับประทานมากเกินไป ไม่รับประทานก่อนนอน และพยายามหลีกเลี่ยง
- รับประทานข้อดีจากอย่างอื่น | หาแหล่งอื่นที่เป็นข้อดีของคาเฟอีน แต่ไม่มีข้อเสียมากนัก
- เพิ่มการเผาผลาญ | ออกกำลังกาย เพิ่มกล้ามเนื้อ ลดไขมัน ก็เพิ่มการเผาผลาญได้เช่นกัน
- บำรุงสมอง | น้ำมันปลา วิตามินบี ลูทีน วิตามินดี ก็บำรุงสมองได้เช่นกัน
- กระตุ้นขับถ่าย | ดื่มน้ำเปล่าเป็นอย่างแรกหลังตื่นนอนก็สามารถกระตุ้นการขับถ่ายได้เช่นกัน
- บำรุงหัวใจ | น้ำมันปลา น้ำมันมะกอก โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ก็บำรุงหัวใจได้เช่นกัน
- ร่างกายตื่นตัว | นอนหลับ 15 นาที หลังเที่ยงช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลได้เช่นกัน
- เพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย | เอชเอ็มบีก็เพิ่มประสิทธิภาพออกกำลังกายได้เช่นกัน
- ลดความหิว | เพิ่มการรับประทานไฟเบอร์และลดการรับประทานอาหารดัชนีน้ำตาลต่ำ
- ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน | การตอบสนองต่อคาเฟอีนแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่คล้ายกัน ให้สังเกตร่างกายตัวเองว่าเป็นยังไง แล้วปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเอง
อาหารเสริมชดเชยส่วนไม่ดีของคาเฟอีน
I-Yezz | เครื่องดื่มชะลอไตเสื่อมเกรดการแพทย์ มีส่วนประกอบ ดังนี้
- Crystallized Lime = 40.24%
- Sodium Bicarbonate = 27.75%
- Potassium Bicarbonat = 6.94%
- Fiber = 13.89%
- Sucralose = 0.08%
- Flavor = 11.10%
ประโยชน์
- มีส่วนช่วยขับกรดยูริกออกจากร่างกาย
- มีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมของไต
- มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคไต
- มีส่วนช่วยทำให้อาการเสียดท้องดีขึ้น
- มีส่วนช่วยทำให้อาการท้องเปรี้ยวดีขึ้น
- มีส่วนช่วยปรับสมดุลของกรดในกระเพาะอาหารที่มีมากเกินไป
Good Gut คือ อาหารเสริมใยอาหารประเภทละลายน้ำ (Water Soluble Dietary Fiber) ชนิดพาร์เชียลลี ไฮโดรไลซ์ กัวร์กัม (PHGG : Partially Hydrolyzed Guar Gum) ที่สกัดมาจากเมล็ดกัวร์ (Guar Bean) ประเทศญี่ปุ่น ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ด้านนี้มายาวนานกว่า 35 ปี ทำให้มั่นใจได้ว่ามาจากธรรมชาติ ปราศจากพืชดัดแปลงพันธุกรรม การสังเคราะห์ และปลอดภัยจากสารพิษต่างๆ
ได้รับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและด้านอาหาร ดังนี้
- FDA | องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา
- Low – FODMAP | อาหารย่อยง่าย ไม่ท้องอืด ไม่ท้องผูก ไม่ท้องเฟ้อ ไม่ท้องเสีย ไม่ปวดท้อง
- GMO Free | ไม่มีพืชดัดแปลงพันธุกรรม
- Allergen Free | ไม่ทำให้เกิดการแพ้
- VEGAN | มาตรฐานอาหารเจ – มังสวิรัติ – วีแกน
- HALAL | มาตรฐานอาหารอิสลาม
- KOSHER | มาตรฐานอาหารยิว